วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

เส้นทางการเดินทางไปชมทุ่งดอกบัวตอง



ยามเมื่อสายลมหนาวเริ่มต้นพัดพาดผ่าน
ชวนให้หวนคิดถึงบทบันทึกเมื่อต้นฤดูหนาวของปีกลาย
การเดินทางสู่ดินแดนแห่งขุนเขา ดอกไม้ และไอหมอก ที่ทำให้ผมหลงใหล...







อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม 
ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL 
https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP


บทบันทึกการเดินทางฉบับนี้รำลึกถึงความทรงจำที่ ดอยหัวแม่คำ จังหวัดเชียงราย
ในวันที่สายหมอกขาวนวลเกือบท่วมท้นขุนเขา สร้างความรู้สึกประทับใจตั้งแต่ย่างก้าวแรก




การเดินทางสู่จังหวัดเชียงรายนั้น ค่อนข้างสะดวกสบาย มีทั้งรถทัวร์และทั้งทางเครื่องบิน
โดยปัจจุบันนี้ มีหลายสายการบินที่บินตรงไปสู่เชียงราย ในราคาที่ไม่แพงนัก ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น
โดยสายการบินต่างๆ ที่ไปเชียงรายนั้น มีรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเที่ยวบินดังนี้ครับ

สายการบินไทย มีเที่ยวบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสู่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 3 เที่ยวบินต่อวัน 
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ บินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปเชียงราย 2 เที่ยวบินต่อวัน 
สายการบินไทยแอร์เอเชีย บินจากสนามบินดอนเมืองสู่เชียงราย ด้วย 3 เที่ยวบินต่อวัน 
สายการบินนกแอร์ บินสู่เมืองเชียงราย 3 เที่ยวบินต่อวัน 
และสายการบินไทยแอร์เอเชีย บินสู่เมืองเชียงราย 4 เที่ยวบินต่อวัน



ผมใช้เส้นทางจากเมืองเชียงรายไปยังอำเภอแม่จัน
ก่อนตัดเข้าสู่สายดอยแม่สลอง เมื่อถึงสามแยกอีก้อ เลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่ ดอยหัวแม่คำ
ระยะทางกว่า 80 กิโลเมตรจากสนามบินเชียงราย ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ครับ
เส้นทางสู่ดอยหัวแม่คำนั้น บางช่วงสูงชันและมีโค้งเยอะ แต่รถเก๋งสามารถขึ้นไปได้สบายๆ ครับ


ที่พักบนดอยหัวแม่คำจะอยู่ที่วนอุทยานดอยหัวแม่คำ ซึ่งมีทั้งเป็นบ้านพัก และสถานที่กางเต็นท์
แต่การจะขึ้นไปที่วนอุทยานดอยหัวแม่คำ จะต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้นครับ

ที่วนอุทยานดอยหัวแม่คำ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ของค่ายใด ไม่มีร้านอาหารให้บริการ นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมอาหารมาเอง ติดต่อเจ้าหน้าที่วนอุทยานดอยหัวแม่คำโดยตรงที่ โทร 095 675 1124
หรือที่สำนักบริหารจัดการในพื้นที่ 15 จังหวัดเชียงราย โทร. 053 711 402 แต่ที่หมู่บ้านหัวแม่คำจะมีร้านอาหารและ มีร้านขายของชำเล็กๆตั้ง อยู่หน้าหมู่บ้าน สามารถซื้อของและอาหารตรงนั้นได้ครับ

และสถานที่พักอีกแห่งหนึ่งคือ ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงหัวแม่คำ มีทั้งบ้านพักและเต็นท์ให้บริการเช่นกันครับ สามารถโทรสอบถามได้ก่อนที่หมายเลข 053-918-101


สองข้างทางในวันนั้นที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา และสายหมอกในยามเช้าทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปกับทุกย่างก้าวของการสัมผัส



เส้นทางที่ลัดเลาะไปตามซอกเขา พบเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านตลอดระยะทาง 



ผมไม่เคยคิดที่จะมาที่ดินแดนแห่งนี้เลย ถ้าให้เลือกที่จะไปชมทุ่งดอกบัวตอง ผมก็คงเลือกที่จะไปแม่ฮ่องสอนก่อนเป็นที่แรก
เพียงเพราะภาพถ่ายใบนั้นทำให้ผมคิดแบบนี้




แต่แล้วความคิดของผมก็ต้องเปลี่ยนไป........





สีเหลืองอร่ามเต็มสองข้างทาง เบ่งบานไปทั้งดอยดั่งต้องมนต์เมื่อแลมอง
คงด้วยเหตุผลนี้กระมังที่ทำให้ใครต่อใครต่างถวิลหา 


ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ
เพียงเพื่อได้ยลความงามของเจ้าดอกสีเหลือง ไม่เว้นแม่แต่ตัวผม




เบื้องหลังตรงข้ามกับดอกบัวตอง คือความงามของทะเลหมอกจากระยะไกล
พลันฉุกคิดขึ้นมาในใจว่าเรามาไกล และสูงถึงเพียงนี้เลยหรือ


แต่กระนั้นความสวยงามทั้งทะเลหมอกและดอกบัวตอง
ทำให้ผมลืมและตัดความคิดบางสิ่งบางอย่างที่กังวลใจออกไป


ถึงตอนนี้ผมก็ยังหาคำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่าดอกบัวตองที่แม่อูคอ
กับดอกบัวตองที่นี่ ที่แห่งใดมีความสวยงามกว่ากัน
แต่ผมบอกกับตัวเองแล้วว่าทะเลหมอกที่นี่สวยกว่าที่ไหนๆ




ระยะทางกว่าสองชั่วโมงที่ลัดเลาะไปตามขุนเขา
กับภาพที่ได้เห็นอยู่เบื้องหน้า มันคุ้มค่ากับการเดินทางยิ่งนัก

แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องทำให้ทะเลหมอกจากขาวเป็นสีทอง
ธรรมชาติที่บรรจงแต่งแต้มให้ดินแดนที่แสนธรรมดาเป็นดั่งสวรรค์บนดอย







มันเป็นช่วงเวลาที่ผมอยากหยุดเวลาเอาไว้ ณ.ที่แห่งนี้
เพื่อดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติที่รายรอบ





และผมเชื่อว่าต้องมีหลายคนคิดเหมือนผม 
เพราะมันคือความงดงามอันบริสุทธิ์ท่ามกลางขุนเขา 







ถัดจากทะเลหมอกไม่ไกลนัก ลัดเลาะไปตามหมู่บ้านชาวเขา
สีเหลืองอร่ามที่มองเห็นจากระยะไกล ทำเอาผมต้องตกอยู่ในพวังค์





จากภาพถ่ายบนโลกออนไลน์ จากหนึ่งความฝันส่งต่อมายังอีกหนึ่งความฝัน
ในวันนี้ความฝันนั้นได้เป็นความจริงและสัมผัสได้




ดอกบัวตองที่บานสะพรั่งไปทั้งดอย เจ้าดอกที่จะอยู่ให้ความฝันได้ไม่เกินสิ้นเดือนพฤศจิกายน
บนความสวยงามในห้วงระยะเวลาสั้นๆ




บริเวณด้านล่างจะมีการแสดงของชาวเขาให้ได้ชื่นชม สืบสานวัฒนธรรมประเพณี 




ทั้งหมดนี้คือความงานของทุ่งดอกบัวตอง ณ ดอยหัวแม่คำ 
รวมไปถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านตลอดเส้นทาง ที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ






ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม แล้วพบกันใหม่ในบันทึกการเดินทางครั้งต่อไป สวัสดีครับ

ปล. ภาพชุดนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 17 พ.ย.57 

อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม 


ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น